Community/ Blogs/ Upskill Reskill คืออะไร ทำไมถึงเป็นทางรอดของพนักงานและองค์กร

01 Oct, 2025

Upskill

Reskill

ConicleOne

ConicleVERSE

AICompanion

โลกการทำงานในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา รูปแบบธุรกิจก็ปรับเปลี่ยนตามไปด้วย ทำให้ทักษะที่เคยจำเป็นในอดีตอาจไม่เพียงพออีกต่อไป คำว่า Upskill และ Reskill จึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่แค่ในหมู่คนทำงาน แต่ยังรวมถึงองค์กรทุกขนาดที่ต้องการอยู่รอดและเติบโต การทำความเข้าใจว่า Upskill และ Reskill คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับทุกคน และทุกองค์กรที่ต้องการปรับตัวให้ทันกับอนาคต


Upskill คืออะไร

Upskill คือ การพัฒนาหรือเพิ่มพูนทักษะเดิมที่พนักงานมีอยู่แล้วให้สูงขึ้น เชี่ยวชาญมากขึ้น หรือทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถทำงานในตำแหน่งปัจจุบันได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น หรือพร้อมสำหรับความรับผิดชอบที่สูงขึ้นในสายงานเดิม การ Upskill เน้นการต่อยอดความรู้ความสามารถที่มีอยู่ให้แข็งแกร่ง และตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดงานที่เปลี่ยนแปลงไป การ Upskill จึงช่วยให้พนักงานไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง


ตัวอย่างการต่อยอดทักษะ Upskill มีอะไรบ้าง

การ Upskill คือการเพิ่มพูนทักษะเดิมให้เก่งกาจยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับงานที่ซับซ้อนหรือความท้าทายใหม่ ๆ ในสายงานเดิม ตัวอย่างของการ Upskill ที่พบเห็นได้บ่อย ได้แก่

  • นักการตลาดเรียนรู้การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ : เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าเชิงลึก สามารถวัดผลแคมเปญการตลาดได้อย่างแม่นยำ และนำข้อมูลมาปรับปรุงกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์เป้าหมายทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น เป็นการ Upskill ที่จำเป็นในปัจจุบัน
  • นักพัฒนาซอฟต์แวร์ศึกษาภาษาโปรแกรมหรือ Framework ใหม่ : ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น Python, AI, หรือ Machine Learning เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ทันสมัย และเพิ่มมูลค่าให้กับตนเองในสายอาชีพ 
  • ผู้จัดการโครงการอบรมเทคนิคการบริหารโครงการแบบ Agile : เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความรวดเร็วในการทำงาน ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น ทำให้ทีมสามารถส่งมอบงานได้ตามเป้าหมายและมีคุณภาพ 



Reskill คืออะไร

Reskill คือ การเรียนรู้ทักษะใหม่ทั้งหมดที่แตกต่างไปจากทักษะเดิมที่พนักงานมี เพื่อให้สามารถเปลี่ยนไปทำงานในตำแหน่งใหม่หรือสายงานใหม่ที่องค์กรต้องการ หรือเพื่อปรับตัวให้เข้ากับลักษณะงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การ Reskill มักเกิดขึ้นเมื่อทักษะเดิมของพนักงานอาจไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป หรือเมื่อองค์กรต้องการบุคลากรที่มีทักษะในด้านใหม่ ๆ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ การ Reskill จึงเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทั้งกับตัวพนักงานและองค์กร


ตัวอย่างการเรียนรู้ทักษะใหม่ Reskill มีอะไรบ้าง

การ Reskill คือการเรียนรู้ทักษะชุดใหม่ที่แตกต่างจากเดิม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทงานใหม่หรือการเปลี่ยนสายอาชีพ ตัวอย่างของการ Reskill ที่น่าสนใจ มีดังนี้

  • พนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานเรียนรู้ทักษะการเขียนโปรแกรมควบคุมเครื่องจักร : เพื่อเปลี่ยนบทบาทจากการทำงานกับเครื่องจักรแบบเดิม ๆ ไปสู่การควบคุมและดูแลระบบอัตโนมัติในโรงงานอัจฉริยะ การ Reskill นี้ช่วยให้ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีการผลิตใหม่ได้
  • พนักงานธุรการหรือฝ่ายสนับสนุนทั่วไปเรียนรู้ทักษะการตลาดดิจิทัล : เพื่อเปลี่ยนสายงานไปทำงานด้านการตลาดออนไลน์ เช่น การทำ SEO, การยิงแอดโฆษณา, หรือการดูแลโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นทักษะที่ตลาดต้องการสูง ถือเป็นการ Reskill สู่สายงานดิจิทัลกำลังเป็นที่นิยม
  • พนักงานขายหน้าร้าน พัฒนาทักษะการขายออนไลน์ผ่านการไลฟ์สด : เพื่อปรับตัวเข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สามารถสร้างยอดขายผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการ Reskill ด้านการขายออนไลน์ที่สำคัญ


ทำไม Upskill กับ Reskill จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด



ในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งจากเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือแม้แต่สถานการณ์ที่ไม่คาดฝันต่าง ๆ การหยุดนิ่งอยู่กับที่เท่ากับเป็นการถอยหลัง ทั้งพนักงานและองค์กรจำเป็นต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง การทำ Upskill และ Reskill จึงไม่ใช่แค่กิจกรรมเสริม แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ทุกคนและทุกองค์กรสามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว การลงทุนในการ Upskill และ Reskill จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต


ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากการลงทุนใน Upskill และ Reskill ให้พนักงาน

การที่องค์กรส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงานได้ Upskill และ Reskill อย่างจริงจังนั้น ไม่เพียงแต่เป็นผลดีต่อตัวพนักงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลบวกกลับมาสู่องค์กรในหลายมิติ ช่วยสร้างความแข็งแกร่งและความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ


1. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างนวัตกรรมใหม่

เมื่อพนักงานมีทักษะที่เป็นที่ต้องการในตลาดและหลากหลาย องค์กรย่อมมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะพนักงานที่มีทักษะใหม่ ๆ ยังเป็นแหล่งกำเนิดของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้า 


2. ลดอัตราการลาออกและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ

การที่องค์กรลงทุนในการพัฒนาพนักงานผ่านการ Upskill และ Reskill แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความมุ่งมั่นที่จะให้พนักงานเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและผูกพันกับองค์กรมากขึ้น ช่วยลดอัตราการลาออกของพนักงานที่มีความสามารถ และยังดึงดูดคนเก่ง ๆ ให้อยากเข้ามาร่วมงานด้วย การ Reskill เปิดโอกาสให้พนักงานได้ลองสิ่งใหม่ ๆ


3. เพิ่มผลิตภาพและความคล่องตัวในการปรับตัวขององค์กร

พนักงานที่ได้รับการ Upskill จะทำงานในหน้าที่เดิมได้ดีขึ้น มีผลงานที่มีคุณภาพมากขึ้น ส่วนพนักงานที่ได้รับการ Reskill ก็สามารถปรับเปลี่ยนไปทำงานในส่วนที่ขาดแคลน หรือมีความต้องการสูงได้ ทำให้องค์กรโดยรวมมีผลิตภาพที่สูงขึ้น และมีความคล่องตัวในการปรับโครงสร้าง หรือรูปแบบการทำงานเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที


4. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรที่ใส่ใจการพัฒนาคน

องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการ Upskill และ Reskill พนักงานอย่างต่อเนื่อง จะถูกมองว่าเป็นองค์กรที่ทันสมัย ใส่ใจในการพัฒนาบุคลากร และให้ความสำคัญกับการเติบโตของพนักงาน สิ่งนี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ทั้งในสายตาของพนักงานปัจจุบัน พนักงานในอนาคต ลูกค้า และคู่ค้า การลงทุนใน Upskill และ Reskill จึงเป็นการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง


แนวทางการทำ Upskill และ Reskill อย่างมีทิศทางและเห็นผลลัพธ์



เพื่อให้การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานเกิดประโยชน์สูงสุดและเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม องค์กรควรมีแนวทางในการดำเนินการอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบ การวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนจะช่วยให้การพัฒนาทักษะเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร โดยมีแนวทาง ดังนี้


1. วิเคราะห์ Skill Gap และกำหนดทักษะที่จำเป็นสำหรับองค์กร

เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์หาช่องว่างของทักษะ (Skill Gap) ภายในองค์กรว่า ทักษะใดบ้างที่ยังขาดหายไป หรือทักษะใดที่จำเป็นต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายทางธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต จากนั้นจึงกำหนดว่าทักษะใดควรทำ Upskill และทักษะใดจำเป็นต้อง Reskill พนักงานกลุ่มใดบ้าง


2. ออกแบบโปรแกรมและเลือกวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายและเหมาะสม

เมื่อทราบทักษะที่ต้องการแล้ว ขั้นต่อไปคือการออกแบบโปรแกรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม ซึ่งอาจมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การจัดฝึกอบรมภายใน, การส่งพนักงานไปอบรมหลักสูตรภายนอก, การเรียนรู้ออนไลน์ผ่านคอร์สต่าง ๆ, ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring), หรือการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง (On-the-job Training) ควรเลือกวิธีที่สอดคล้องกับเนื้อหาและผู้เรียนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการ Upskill หรือ Reskill 


3. ใช้ระบบ LMS ช่วยในการจัดการและติดตามผลการเรียนรู้

ระบบ Learning Management System (LMS) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การบริหารจัดการโปรแกรม Upskill และ Reskill เป็นไปอย่างมีระบบและสะดวกสบาย LMS ช่วยในการนำส่งเนื้อหาการเรียนรู้ ติดตามความคืบหน้าของผู้เรียน ทำการประเมินผล และรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงโปรแกรมต่อไป ทำให้การ Upskill และ Reskill วัดผลได้ชัดเจน


4. ส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้และให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

การ Upskill และ Reskill จะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้บริหาร และการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งในองค์กร พนักงานควรได้รับการกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และองค์กรควรมีระบบให้รางวัลหรือยกย่องพนักงานที่มุ่งมั่นในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ

การทำ Upskill และ Reskill บุคลากร คือการลงทุนสำคัญเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยที่ทำให้การพัฒนาทักษะเหล่านี้เป็นเรื่องง่าย มีทิศทาง และวัดผลได้ CONICLE พร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้บริการ ระบบ Learning Management System (LMS) ที่ตอบโจทย์การพัฒนาคนในองค์กรของคุณ ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.02-430-6699 Facebook : CONICLE หรือ Line : @conicle

Related Posts

ไม่มี Article ที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตก่อนใคร!

ลงทะเบียน.. เพื่อรับข่าวสารจาก Conicle

©2025 Conicle Co., Ltd. All Rights Reserved.