7 วิธีเติมไฟในภาวะ “Burnout”

ในปัจจุบันมีสถานการณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งระบบเศรษฐกิจ โรคระบาดต่าง ๆ ทำให้รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป ความกดดันในที่ทำงานมากขึ้น พนักงานต้องเร่งพัฒนาตัวเอง รวมถึงความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ก่อให้เกิดความเครียดและกดดันอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลกระทบให้พนักงานเกิดอาการที่เรียกว่า “Burnout Syndrome” ได้

Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน คือ อาการของพนักงานที่เผชิญกับความเครียดสะสม จนทำให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง หมดแรง ไม่มีสมาธิ และประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตลดลง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่องค์กรและทีม HR ต้องพยายามหาทางเพื่อแก้ไข เพราะผลกระทบจากภาวะหมดไฟ อาจส่งผลต่อสุขภาพของพนักงานในระยะยาว รวมถึงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานด้วย

สำรวจจิตใจว่าเกิดอาการ Burnout หรือไม่?

เมื่อเกิดอาการ Burnout Syndrome จะส่งสัญญาณทางร่างกายและอารมณ์ เพื่อให้แก้ไขได้ทันท่วงทีจึงควรสำรวจอาการต่าง ๆ ใน 3 ด้าน ได้แก่

• ด้านร่างกาย มีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ ปวดเมื่อยยกล้ามเนื้อ หรืออาจป่วยได้ง่าย
• ด้านจิตใจ มีความรู้สึกขาดแรงจูงใจ โกรธ หงุดหงิดง่าย มองโลกในแง่ร้าย ทำให้ไม่มีความสุขในการทำงานและการใช้ชีวิต
• ด้านพฤติกรรม แยกตัวจากผู้อื่น พูดคุยกับผู้อื่นน้อยลง ขาดความกระตือรือร้น

เมื่อทราบแล้วว่ามีอาการ Burnout อยู่ Conicle ขอแนะนำแนวทางในการเติมไฟเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใน 7 วิธี ได้แก่

1. สร้างสมดุลให้กับชีวิต
2. ในการใช้ชีวิตต้องมีความสมดุลในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การทำงาน กิจกรรมที่ชอบ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน คนรัก ครอบครัว สุขภาพร่างกายและจิตใจ ที่ต้องให้ความสำคัญกับทุกอย่างเท่า ๆ กัน หากให้ความสำคัญกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากเกินไป อาจทำให้ชีวิตขาดความสมดุล และส่งผลกระทบให้มิติอื่น ๆ ก็ทำได้ไม่ดีเช่นกัน
3. มองมิติอื่น ๆ ในชีวิต เพื่อก้าวผ่านเวลางานไม่เป็นดั่งใจ
4. บางครั้งการทำงานก็มักมีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขเองได้ ก่อให้เกิดความท้อและกดดันขึ้น สามารถแก้ไขได้ด้วยการมองหามิติอื่น ๆ ในชีวิต เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของตนเอง ให้ชีวิตสมดุลมากยิ่งขึ้น เพราะการให้ความสำคัญกับงานอย่างเดียว ไม่อาจทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ จากนั้นต้องถอดบทเรียนในสิ่งที่ผิดพลาดไป เพื่อหาทางแก้ไขในอนาคต
5. ฝึกการสื่อสาร สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน
6. 1 ในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟมาจากเพื่อนร่วมงาน สามารถแก้ไขได้ด้วยการสื่อสารในสิ่งที่ต้องการ (Empathic Communication) เปิดใจคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความต้องการทั้งข้อดีและข้อเสีย รวมถึงขอบคุณ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานให้ดียิ่งขึ้นได้
7. เติมไฟด้วยความชอบส่วนตัว
8. เพิ่มความสนุกให้การใช้ชีวิตโดยต้องไม่เกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าในชีวิต โดยนึกย้อนไปช่วงวัยที่ผ่านมาถึงกิจกรรมที่ชอบทำ หัวข้อที่ชอบคุย หรือร้านอาหารที่ชอบไป เพื่อมองหาความสุขแท้จริงของตนเอง ให้ชีวิตมีความผ่อนคลาย
9. ดูแลสุขภาพกายอยู่เสมอ
10. ในการรักษาสมดุลชีวิต สุขภาพถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการรับประทานอาหารให้อิ่ม พักผ่อนให้เพียงพอ หายใจเข้าลึก ๆ และออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ มีผลต่ออารมณ์และการใช้ชีวิต เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายไม่สดชื่น อารมณ์หงุดหงิด เป็นต้น
11. ขอบคุณทุกอย่างรอบตัว
12. การใช้เทคนิค Gratitude หรือ มองเห็นในสิ่งที่คนรอบตัวทำดีให้ จะทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าและขอบคุณเพื่อลดความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ลง เช่น ขอบคุณที่ได้รับประทานอาหารอร่อย ขอบคุณร่างกายที่ยังแข็งแรง เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลให้การมองโลกของเราเปลี่ยนไป ลดความคาดหวังในชีวิต
13. พบนักสุขภาพใจ
14. หลายครั้งเกิดความผิดปกติทางด้านอารมณ์หรือความคิดและปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลกระทบในระยะยาวแก้ไขได้ยากขึ้น การเข้าพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหาจึงเป็นอีกทางออกที่ช่วยได้ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพใจให้กลับมามีความสุขได้เช่นเคย

องค์กรยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพใจของพนักงาน

นอกจากพนักงานจะต้องแก้ไขปัญหาการหมดไฟในการทำงานด้วยการปรับปรุงวิถีชีวิตของตนเองแล้ว องค์กรเองก็สามารถเข้าไปมีส่วนช่วยและสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพราะสาเหตุของ Burnout เกิดจากสถานที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็น ภาระงานที่มากเกินไป การดูแลพนักงานไม่อย่างไม่ยุติธรรม ขาดอิสระ และแรงสนับสนุน องค์กรจึงต้องปรับเพิ่มกลยุทธ์ของการดูแลสุขภาพจิตของพนักงาน ซึ่งเป็นรากฐานในการลดอัตราการ Burnout ของพนักงานและช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จได้มากขึ้น ต้องจัดการปัญหาพฤติกรรมที่เป็นพิษของพนักงานด้วยการตักเตือน โยกย้าย หรือสร้างสภาพแวดล้อมให้ดี มีความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจกันมากขึ้น ให้การยอมรับพนักงานอย่างยุติธรรม และสนับสนุนให้พนักงานเติบโตก้าวหน้าในอนาคต

Conicle หวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิธีข้างต้นจะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหา Burnout ทุเลาลงได้ เพื่อให้มีสุขภาพใจแข็งแรงและมีความสุขในการทำงานต่อไปได้อย่างยั่งยืน